“ความไม่เป็นตัวของตัวเอง อาจเป็นต้นกำเนิดของภาวะหมดไฟที่สุมอยู่ในใจของมนุษย์วัยทำงาน”
.
วันนี้พริมได้ดูไพ่ให้ลูกค้ารายหนึ่งค่ะ ลูกค้ารายนี้มาหาด้วยปัญหาว่า เวลาเขาจะทำงาน เขาก็ร้อนรนมาก กังวลว่างานจะออกมาไม่เพอร์เฟกต์มากๆ หรือไม่งั้น ก็จะหาทางผัดผ่อนงานออกไปเรื่อยๆ เป็นการผัดวันประกันพรุ่งที่ไม่มีจุดจบ
.
พอได้ลงลึกเข้าไปในปัญหา พบว่า ส่วนนึงมาจากการไม่เข้าใจว่าตนเองเป็นใคร อยู่ตรงนี้เพื่ออะไร และมีอะไรที่จะให้โลกใบนี้ได้ - สังเกตว่า พริมเรียงลำดับเอาการรู้จักตนเองไว้ข้างหน้าเป็นอันแรก เพราะอะไร? เพราะส่วนใหญ่เรามักกระโดดไปที่ประเด็นสุดท้ายว่า “ฉันจะให้อะไรกับคนอื่นได้” ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองมีอะไรจะให้ ปัญหานี้เป็นสาเหตุของการ Burnout ของคนจำนวนมากในขณะนี้
.
ทำไมเราถึงกระโดดไปที่การให้ทันที ทั้งที่ยังไม่รู้เกี่ยวกับ Resource ของตัวเอง? จากเคสวันนี้ พบว่าส่วนนึงเกิดจากการถูกคาดหวังมาตลอด คาดหวังว่าเขาจะต้องทำอะไรให้คนอื่นพึงพอใจเสมอ จนลืมไปว่าตัวเขาก็มีความต้องการของตัวเองเหมือนกัน - เด็กทุกคนโดนเลี้ยงมาแบบนี้ เราทุกคนโดนบอกว่าต้อง ‘ทำตัวเป็นเด็กดี‘ แต่แล้วทำไมไม่ถามว่า ’ถ้าในวันที่ฉันไม่ได้ดี ไม่ได้สำเร็จอะไร ฉันยังจะควรค่าแก่การเป็นที่รักไหม?’
.
สุดท้ายมันเลยกลายเป็นประเด็นเรื่องของความรัก พริมได้ให้เคสลงไปดูความทรงจำตอนที่เขาได้รับอะไรบางอย่างมาโดยไม่รู้สึกผิด เมื่อทำงานกับความทรงจำนี้ ความรู้สึกหนึ่งก็ได้รับการสกัดออกมา - คือความรู้สึกของการรักตัวเองอย่างไม่มีเงื่อนไข (Self-Love)
.
ในการปลดชนวนความเห็นของสังคมที่ทำให้เราไม่เป็นตัวของตัวเอง คนแรกที่จะต้องให้การยอมรับเราโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ก็คือตัวเราเอง - ถ้าเราถามใครสักคนว่า มีใครไหมที่เขาควรให้ความรัก มันอาจใช้เวลาพอสมควรกว่าเขาจะนึกได้ว่าเป็นตัวเขาเองนี่แหละคนแรก ที่ควรได้รับความรัก - เราโดนโบยตีจากสังคมให้รักและทำตามคำพูดของทุกคนยกเว้นตัวเอง - เมื่อไหร่กันที่เราจะกลับมาเชื่อและเก็บส่วนเสี้ยวของความต้องการในชีวิตที่ถูกหลงลืมคืนกลับมาได้?
.
ในความ Burnout หรือภาวะหมดไฟ เราจะเห็นความไม่เป็นตัวของตัวเอง เราวิ่งตามทุกอย่างเลย ยกเว้นเสียงภายในของตัวเอง ถ้าหากเราหยุดนิ่งได้สักเพียงหนึ่งวินาที - หยุดนิ่งจริงๆ - เราจะพบว่าเสียงภายในของเรานี่แหละ เป็นแหล่งกำเนิดของภูมิปัญญา - เราจะรู้ได้เองว่าเราจะต้องทำอะไร ตอนไหน ด้วยระดับเท่าไหร่ จากปัญญาญาณที่แท้ของเรา
.
และหลายครั้งการจะกลับไปเชื่อมโยงกับปัญญาญาณนั้นได้ เริ่มต้นที่การรักตัวเอง สืบค้นความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง โอโช่บอกว่าเมื่อนั้นเราจะกลายเป็นปัจเจก และมีเพียงปัจเจกเท่านั้นที่จะมีชีวิตอันแท้จริง และส่งมอบบางสิ่งกลับไปให้ฝูงชนได้ - เราต้องเรียนรู้ที่จะเป็นปัจเจกเสียก่อนที่เราจะคิดว่าเรามีอะไรจะให้ผู้อื่น - เมื่อนั้นชีวิตในทุกวันจะเป็นดั่งการเริงระบำ และเราจะได้รับการดลใจเสมอ