"แน่ล่ะ ลูกอาจจะทำผิดครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ทางเดียวที่ลูกจะรู้ได้ว่าลูกอยากเป็นอะไรคือต้องลองทำ นี่เป็นกระบวนการคัดออก พ่อเองก็เรียนกฎหมายมาครึ่งทางแล้วถึงรู้ว่าไม่ได้อยากเป็นทนายความ พ่อเลยเลิกเรียนแล้วท่องเที่ยวไปทั่วประเทศอยู่หนึ่งปี หลังจากนั้นพ่อจึงรู้ว่าพ่ออยากเข้าสู่โลกธุรกิจ ขอให้ลูกเดินไปทางไหนสักทางเพื่อค้นหา แล้วลูกก็จะค้นพบสิ่งที่อยากทำ"

คำพูดของคุณพ่อคนหนึ่งจากหนังสือที่พริมได้อ่านกระทบใจเข้าอย่างจัง มันสื่อถึงทั้งการให้โอกาส เปิดใจกว้าง และคอยเฝ้าระวังให้เสมอในวันที่ลูกพบเจออุปสรรค นี่เป็นคำพูดที่ไดอาน่าได้รับจากพ่อของเธอ ในวันที่เธอสับสน ไม่รู้จะเลือกอาชีพไหนดี ปัจจุบันไดอาน่าเป็นทั้งครูสอนสมาธิ และนักเขียนที่ได้ทำสิ่งที่ตัวเองรักในทุกๆ วัน

เคยถามตัวเองกันไหมคะ ว่าเราทำอาชีพที่ทำอยู่นี้เพื่ออะไร? นี่ใช่อาชีพที่เราอยากทำ อยากเป็นจริงๆ หรือเปล่า? สาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งของอาการหมดไฟหรือ Burnout ก็คือการที่เราไม่รู้สึกว่างานที่ทำมีความหมาย และไม่อาจควบคุมองค์ประกอบที่อยู่ในงานได้จริงๆ

  • งานที่ทำอยู่ไม่มีความหมาย หมายความว่า เราไม่รู้สึกว่าเราสร้างอะไรที่มีคุณค่า หรือว่าไม่ได้มีทักษะ ความชอบ และความ 'อิน' กับงานนั้น
  • ไม่อาจควบคุมองค์ประกอบในงานนั้นได้ เช่น ไม่สามารถตัดสินใจในเรื่องสำคัญ ควบคุมเวลา รายได้ และจังหวะการทำงานของเราไม่ได้

สองอย่างข้างต้นเป็นสาเหตุหนึ่งของการ Burnout ทำให้เราไม่อาจจดจ่อ มีสมาธิกับงาน และทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพสูงสุดของเราจริงๆ แต่ละวันจึงผ่านไปอย่างไร้จุดหมาย หลายคนรอคอยแต่จะได้เลิกงานไวๆ เพื่อที่จะกลับบ้านไปกังวลเรื่องงานอีกครั้ง

จากคำพูดของคุณพ่อของไดอาน่า พริมได้รับข้อความหนึ่งซึ่งปลดล็อคอาการพะว้าพะวงในเรื่องงานได้ ข้อความนั้นคือข้อความว่า 'จงออกไปทำการทดลองซะ แล้วกลับมาพร้อมงานที่มอบคุณค่าแก่ชีวิต' - การทดลองนี้มีความหมายว่าอะไร?

  • สำหรับคนที่มีธุรกิจอยู่แล้ว อาจหมายถึงการริเริ่มโปรเจกต์ โครงการใหม่ๆ อาจเป็นโครงการที่หลุดกรอบเดิมๆ ของตัวเองอยู่บ้าง แต่ชีวิตนี้ได้ทำมันสักครั้งก็ 'สาแก่ใจ' ดี
  • สำหรับคนที่ไม่มีเวลาเป็นของตัวเองมากนัก อาจจะด้วยภาระจากงานประจำ คุณอาจหางานอดิเรกทำ ซึ่งเป็นงานที่ช่วยเติมเต็มความฝัน ตัวตนของคุณลึกๆ งานนั้นอาจจะเรียบง่ายอย่างมาก เช่น การสร้างนิสัยจดบันทึก การถักไหมพรม หรือการวาดภาพด้วยดินสอสี

การทดลองเหล่านี้มันส่งผลยังไง? อย่างน้อยที่สุด คุณจะได้กลับไปค้นพบตัวตนหนึ่ง ซึ่งแสนจะรักการผจญภัย และไม่กลัวที่จะลองทำอะไรใหม่ๆ ตัวตนนี้จะขยายมุมมองของคุณ ทำให้คุณเข้าใจตัวเองได้ดีขึ้น และจากมุมมองที่สดใหม่นี้ คุณจะได้รับพลังในการเลือกอาชีพที่เหมาะสมกับตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงบางอย่างย่อมตามมา คุณอาจตัดสินใจเปลี่ยนงาน หรือลาออกจากงานมาทำสิ่งใหม่ แต่นั่นแหละคือความหมายของการปล่อยให้ตัวเองได้ทดลองและผจญภัยบ้าง (สำหรับคนที่พบความท้าทายด้าน Career Change ติดตามบทความของพริมไว้นะคะ เดี๋ยวมีพูดถึงประเด็นนี้ไนอีพีต่อๆ ไป)

พริมเชื่อว่า ถ้าเราค้นพบอาชีพที่เรารักและถนัดจริงๆ เราจะอยู่กับมันได้โดยไม่เบื่อ และไม่เกิดภาวะ Burnout การงานในทุกๆ คืนวันจะเป็นการงานที่เติมเต็ม และให้คุณค่า ความหมาย ประสบการณ์อันมีค่าแก่ชีวิตได้จริงๆ นั่นแหละคือเป้าหมายของคนหลายคน แล้วเงินจะตามมาเอง

สำหรับใครที่กำลังอยากได้กำลังใจ กำลังมีภาวะหมดไฟ หรือสุ่มเสี่ยงที่จะมีภาวะหมดไฟ พริมกำลังจะออกหนังสือเล่มใหม่เร็วๆ นี้ ชื่อ 'รับฟังอย่างลึกซึ้ง เพื่อช่วยตนเองและผู้อื่นจากภาวะ Burnout' ถ้าใครสนใจ กดติดตาม Line OA ของพริม รอรับอัปเดตได้ ที่นี่ https://lin.ee/z9S90hi

มา 'เป็นตัวเองให้ดี' และ 'ได้ดีเพราะเป็นตัวเอง' ด้วยกันนะคะ