เชื่อว่าหลายคนที่เริ่มต้นธุรกิจคงจะมีสินค้าหรือบริการที่ตัวเองปั้นมากับมือ และแน่นอนว่าทุกคนก็รักในสิ่งที่ตัวเองสร้างขึ้น ไม่ว่าจะได้รับฟีดแบคในทางไหนมาก็ตาม
แต่หลักสำคัญอย่างหนึ่งในการทำธุรกิจ คือ เราจะมองแต่สินค้าของเราไม่ได้ค่ะ เราต้องมองด้วยว่า ลูกค้าของเราเขาต้องการอะไร
.
ยกตัวอย่างเหตุการณ์หนึ่งซึ่งเกิดกับพริมสดๆร้อนๆเลยนะคะ พริมเขียนบทความชิ้นหนึ่งขึ้นมา และคิดว่ามันเป็นบทความที่ดีมาก ซึ่ง reviewer ที่ตรวจงานก็เห็นด้วย แต่เมื่อนำไป pitch ให้ CEO ขององค์กรนั้น เขากลับไม่ชอบ และคิดว่าต้องปรับแก้หลายอย่าง
.
ถ้าเป็นคุณ คุณจะทำเช่นไร ระหว่าง
.
1. Defend ไอเดียของตัวเองไปจนถึงที่สุด ยังไงก็ไม่แก้เด็ดขาด
2. แก้ไขงานตามที่ลูกค้าบอก
.
คุณคิดว่าพริมเลือกทางไหนคะ?
.
บ่อยครั้ง ลูกค้าอาจเป็นคนที่รู้ดีกว่าเราว่าเขาต้องการอะไร อย่างในกรณีนี้ CEO ต้องการนำบทความไปให้นักลงทุนอ่าน และเขาเองก็รู้ดีว่านักลงทุนอยากเห็นอะไร
.
ดังนั้น แม้เราจะคิดว่างานของเราดีที่สุดแล้วยังไง สุดท้ายเราก็ต้องฟังเสียงของลูกค้าด้วย
.
พริมเลือกแก้งานตามที่ลูกค้าบอก แต่ก็รักษาหลายส่วนที่เราเห็นว่าดีไว้ ในแง่หนึ่ง ประสบการณ์ของเราในงานที่ทำก็สำคัญค่ะ เพราะเราจะรู้โดยสัญชาตญาณว่า ในแวดวงของเรา งานแบบไหนถึงจะถือว่าเป็นงานที่ดี
.
แต่ก็อย่าหลงรักสินค้า หรือผลิตภัณฑ์ของเรามากจนเกินไป จนเราลืมใส่ใจความต้องการของลูกค้า ลูกค้ารู้ดีกว่าเราว่าเขาต้องการอะไร เราต้องฟังเสียงตรงนี้ด้วย
.
ผลที่ออกมาคือ หลังจากแก้งาน ทุกฝ่ายต่างพอใจ และเดินหน้าโปรเจกต์ต่อไปได้ค่ะ
.
หวังว่าบทเรียนนี้จะเป็นประโยชน์กับธุรกิจของคุณนะคะ