บอกลาชีวิตที่ต้องทำงานไปวันๆ หมดไฟ ขาดแรงบันดาลใจ ด้วยศาสตร์ด้านการงานจากประเทศญี่ปุ่น: Ikigai (อิคิไก) หรือ การงานแห่งชีวิต ศาสตร์ที่จะทำให้อาชีพของคุณมีความหมาย เติมเต็มจิตวิญญาณ สร้างแรงบันดาลใจให้ตนเองและคนรอบข้างในทุกๆ วัน

การทดลองเพื่อค้นพบ: เส้นทางการหา Ikigai ของพริม

พริมเคย Burnout มาก่อนค่ะ ภาวะหมดไฟทำให้พริมเริ่มหาทางออก และทำให้ได้อ่านหนังสือ พูดคุยกับผู้คน ดูคลิปยูทูป จนวันหนึ่ง ได้คุยกับอาจารย์ที่เป็นผู้ใหญ่ที่เคารพ และท่านก็ป้ายยาคำนี้มาให้ คำว่า Ikigai ที่เป็นศาสตร์การทำงานที่มีความหมาย

ศาสตร์นี้คือการสร้างอาชีพด้วยการผสมผสานระหว่างสิ่งที่รัก และสิ่งที่คนอื่นต้องการ เลี้ยงชีวิตเป็นงานการของเราได้ ตอนพริมได้ฟังคอนเซปต์พริมว้าวมาก เพราะแต่ก่อนคิดแค่ว่า เวลาเราทำงาน เราต้องทำเฉพาะสิ่งที่คนอื่นชอบ ความชอบของเราเอาไว้ทำงานอดิเรกก็พอ แต่พอเจอศาสตร์นี้ พริมเริ่มเข้าใจว่า "ความเป็นตัวเอง" ก็กลายเป็นงานที่สร้างคุณค่าให้ผู้อื่น ช่วยยกระดับชีวิตของเราเองและลูกค้าไปพร้อมๆ กัน

หลังจากได้ทดลองใช้ Ikigai พริมเริ่มทำอาชีพใหม่ในฐานะที่ปรึกษาด้านการสร้างแบรนด์ และนักเขียน ได้ทำงานที่รักในทุกๆ วัน อยากตื่นเช้าขึ้นมาทำงานทุกๆ วัน ทำงานสนุกขึ้น Creative ขึ้น เรียกได้ว่า การงานเป็นของขวัญแห่งชีวิตพริมจริงๆ ค่ะ

4 เสาหลักแห่ง Ikigai

อาชีพที่เป็น Ikigai ของเราได้ ต้องประกอบด้วย 4 อย่าง

  1. สิ่งที่เรารัก
  2. สิ่งที่เราทำได้ดี มีทักษะ
  3. สิ่งที่มีคนจ่ายเงินให้เราทำ
  4. สิ่งที่โลกนี้ต้องการ

ดูแผนภาพนี้ประกอบก็ได้ค่ะ บางงานมีองค์ประกอบแค่ 2 อย่าง ก็อาจกลายเป็นสิ่งอื่น เช่น งานที่เรารัก และ มีทักษะ แต่อาจจะไม่มีคนจ่ายเงินให้ ก็อาจเป็นแค่ความชอบส่วนตัว ต้องมีองค์ประกอบทั้ง 4 อย่างนี้รวมกัน เราถึงจะได้พบกับการงานแห่งชีวิตจริงๆ ค่ะ

5 ประโยชน์และความสำคัญของ Ikigai

Ikigai จะทำให้เราได้ Benefit หรือประโยชน์ถึง 5 ข้อ นั่นคือ

  1. ได้ออกแบบอาชีพการงานของตัวเองตามที่ต้องการ
  2. ได้สร้าง Connection เพื่อนร่วมงานที่มีความหมาย และเป็น Connection ที่แข็งแกร่ง
  3. ทำให้มี Work-Life Balance หรือสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและการทำงาน
  4. ทำให้ได้ทำตามความฝันด้านอาชีพ
  5. ทำให้ทำงานได้สนุกขึ้น ไม่ Burnout

พริมคิดว่า Ikigai เป็นเครื่องมีที่มีประสิทธิภาพมากๆ ที่จะพาทุกคนออกจากภาวะ Burnout ลองจินตนาการดูสิคะว่าคุณได้ทำสิ่งที่รักในทุกๆ วัน และมีคนจ่ายเงินให้คุณทำมันด้วย ชีวิตมันจะดีขนาดไหน

วิธีการหา Ikigai อย่างได้ผล

ในพาร์ทนี้ พริมจะมาชวนทุกคนคิดทบทวนตัวเอง ผ่านคำถามเกี่ยวกับเสาหลักทั้ง 4 ข้อของ Ikigai กันค่ะ

  1. หาสิ่งที่รัก ถามคำถามต่อไปนี้กับตัวเอง
  • ถ้าคุณกำลังทำงานใดงานหนึ่งอยู่ คุณอยากตื่นเช้าไปทำงานทุกวัน และรู้สึกตื่นเต้นกับงานในทุกวันหรือไม่?
  • ถ้าคุณมีงานอดิเรก มีกิจกรรมไหนไหมที่คุณอยากทำแบบไม่เบื่อ และตื่นเต้นกับมันได้ทุกครั้ง
  1. หาสิ่งที่เราเก่ง ถามคำถามต่อไปนี้
  • มีเรื่องไหนไหมที่คนอื่นชอบมาขอคำแนะนำจากเรา
  • มีเรื่องไหนที่คุณทำได้โดยใช้ความพยายามน้อยกว่าเรื่องอื่นไหม
  • มีเรื่องไหนบ้างไหมที่คุณเป็นระดับท็อป เป็นมือหนึ่งในเรื่องนั้น และทำมันได้เก่งกว่าคนอื่น
  1. หาสิ่งที่มีคนจ่ายเงินให้เราทำ
  • มีงานไหนที่ทำให้คุณหาเลี้ยงตัวเองได้ หรือมีคนขอใช้สินค้า บริการไหนของคุณบ้าง
  • มีงานไหนที่คุณทำอยู่แล้ว แล้วคนอื่นได้รับเงินจากงานนี้ ในระดับที่เลี้ยงตัวเองได้ด้วย
  • ถ้าคุณมีงานอดิเรก ลองมองรอบๆ ตัว ว่ามีใครหาเงินได้จากงานนี้บ้างไหม มีงานอดิเรกไหนที่ทำเงินได้บ้าง
  1. หาสิ่งที่โลกนี้ต้องการ
  • มีงานไหนที่เป็นที่ต้องการมากๆ ในตลาดไหม
  • ในอีก 10 ปี หรือ 100 ปี ข้างหน้า งานไหนของคุณจะยังมีคุณค่าอยู่
  • งานไหนที่ทำให้คุณได้แก้ปัญหาด้านสังคม เศรษฐศาสตร์ หรือสิ่งแวดล้อมบ้าง

ยกตัวอย่างงานของพริม พริมเริ่มตั้งคำถามจากการหาข้อแรกเลย คือ สิ่งที่รัก พริมได้ค้นพบว่าตัวเองชอบคุยกับคน ชอบดึงศักภาพในตัวเขาออกมา ทำให้เขาเห็นข้อดีของตัวเอง พอได้รู้ เราก็เริ่มมาหาคำนิยามสำคัญว่า มันมีอาชีพไหนไหมนะที่มีคนจ่ายเงินให้เราทำเรื่องนี้ และมันก็มาลงเอยที่ Branding Consultant หรือที่ปรึกษาด้านการสร้างแบรนด์ค่ะ เพราะพริมต้องช่วยให้คนค้นหาตัวเอง ค้นหาจุดเด่นของเขาเจอ ก่อนจะไปทำ Branding ให้สำเร็จได้

แบบนี้ก็เท่ากับว่า พริมได้งานที่รัก และมีคนจ่ายเงินให้ทำแล้ว ทีนี้ ต้องเอามาผสมกับสิ่งที่ถนัดบ้าง พริมเป็นนักเขียนอยู่แล้ว พริมเลยเริ่มสอนคนทำแบรนด์จากการเขียน Content ก่อน และพริมก็พบว่าตัวเองออกแรงน้อยกว่าการทำแบรนด์ด้วยวิธีอื่นมากๆ ค่ะ แล้วพอพริมได้คุยกับคนมากขึ้น ทักษะการคุยกับคนก็เพิ่มขึ้นด้วย กลายมาเป็นอีกขาหนึ่งที่พริมถนัด ทำให้งานด้าน Branding มันสมบูรณ์ และตอบโจทย์คนได้กว้างขึ้นด้วย

ในส่วนสิ่งที่โลกต้องการ พริมคิดกับตัวเองว่า ต่อให้ AI จะฉลาดแค่ไหน แต่ก็มาแทนงานของเรา ที่ต้องใช้การคุย การรับฟัง และการทำความเข้าใจคนไม่ได้ และการค้นหาตัวเองก็เป็นเรื่องที่เป็นมนุษย์มากๆ ใช้ทักษะของมนุษย์มากๆ ดังนั้นพริมเลยหายห่วง และสามารถทำอาชีพนี้ได้เป็นสิบๆ ปีแน่นอน การทำ Branding ของพริม จะต้องเป็นการทำจากความเป็นตัวเองเท่านั้น เพราะสิ่งนี้ AI เลียนแบบไม่ได้

มีคำกล่าวว่า คำถามสำคัญกว่าคำตอบ การตั้งคำถามกับตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง จะทำให้คนได้พบกับคำตอบที่ต้องการแน่นอนค่ะ พริมขอให้ทุกคนเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองวันนี้ เพื่อหา Ikigai การงานแห่งชีวิตของคุณ แล้วทำให้การงานทุกวันเป็นเรื่องสนุก เป็นการส่งมอบคุณค่าที่ดีที่สุดในตัวคุณออกไปให้ลูกค้าและคนรอบตัวในทุกๆ วันนะคะ

อ้างอิง https://www.betterup.com/blog/what-is-ikigai