ในบทความนี้นะคะ พริมจะมาสอนทุกคน “สร้างภาพ” ค่ะ
การสร้างภาพคืออะไร? เราไม่ได้หมายถึงการทำให้ตัวเองดูดีทั้งที่ตัวเองไม่ได้มีดีนะคะ
แต่ว่าหมายถึงการทำให้คนอ่านคนเสพคอนเทนต์ของเราเนี่ยเขาเห็นภาพในสิ่งที่เราต้องการที่จะบรรยายหรือต้องการให้เขาเห็น เมื่อเขาเห็นแบบนั้น เรื่องราวของเราจะเข้าไปอยู่ในใจเขา แล้วเขาจะจำได้แทบจะไม่ลืมเลยค่ะ
สำหรับเทคนิคที่จะนำมาแบ่งวันนี้จะมีอยู่ 2 เทคนิค
เทคนิคแรกก็คือการให้รายละเอียด 3 ระดับ
เทคนิคที่สอง คือการให้รายละเอียดที่เฉพาะเจาะจง
เราไปเริ่มจากเทคนิคแรกกันเลย
เทคนิคแรก การให้รายละเอียด 3 ระดับ ขอเริ่มจากตัวอย่างต่อไปนี้นะคะ
ตัวอย่างแรก “ดินสอสีแดง”
ตัวอย่างที่สอง “ดินสอลายทางสีแดง”
แบบไหนคุณจะเห็นภาพมากกว่ากันคะ?
ก็ต้องเป็นแบบที่ สอง ใช่ไหมคะ ดินสอลายทางสีแดง
สาเหตุที่คนเห็นภาพอันที่สอง มากกว่า เพราะเขาได้ให้รายละเอียด 3 ระดับ ซึ่งมันตรงกับงานวิจัย ว่าถ้าให้รายละเอียดอย่างน้อย 3 เรื่อง 3 ระดับแบบนี้คนจะสามารถเห็นภาพในสิ่งที่เราบรรยายได้
สำหรับอีกตัวอย่างหนึ่งนะคะ ลองดู “เสื้อคลุมผ้าไหมสีน้ำเงิน”
จะเห็นว่ามันมี 3 ระดับเหมือนกัน ก็คือ
ระดับที่ 1 สิ่งของนั้นคืออะไร ก็คือเสื้อคลุม
ระดับที่ 2 ทำจากวัสดุอะไร ก็คือผ้าไหม และ
ระดับที่ 3 สีอะไร ก็คือสีน้ำเงิน
ตัวอย่างอื่นๆของการให้รายละเอียด 3 ระดับ เช่น
รถกระบะ 4 ประตูยกสูง
คีย์บอร์ดเรียบหรูสีขาวมุก
สำหรับเทคนิคที่ 2 คือการให้รายละเอียดเฉพาะ พริมได้เทคนิคมาจากหนังสือ Stories That Stick ของ คินดรา ฮอลล์ นะคะ เป็นหนังสือเล่มโปรดของพริมเลยนะคะ
พริมขอยกตัวอย่างจากในเล่มนี้ ซึ่งเอาตัวอย่างมาจากหนังสือของมิเชล โอบามา อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งอีกที
มิเชลเล่าว่า ตอนที่เธอจะไปทำงานที่ทำเนียบขาว เธอใจสลายมากเลยในฐานะแม่คนหนึ่ง เพราะว่าเธอต้องให้ลูกเดินทางไปที่โรงเรียนกับพี่เลี้ยง มิเชลบรรยายว่าวินาทีที่เธอมองลงไปที่กระจกรถของลูก เธอเห็นมือน้อยๆและใบหน้าน้อยๆแนบกับกระจกรถมองกลับมาที่เธอ
เห็นไหมคะว่าตัวอย่างนี้ทำให้เราเห็นภาพและรู้สึกเศร้าไปกับมิเชล เห็นใจว่าเธอต้องจากลูกไปทำงานเลยไปส่งลูกไม่ได้ เราเองก็รู้สึกใจสลายไปพร้อมกับเธอด้วย
หรืออีกตัวอย่างหนึ่งที่พริมชอบยกเวลาสอนหรือโค้ชให้ลูกศิษย์เขียนงาน ก็คือเรื่องของเพื่อนพริม
เพื่อนพริมคนนี้ เขามีแฟน ทีนี้วันนึงเขาเข้าห้องน้ำแล้วทำพื้นห้องน้ำเปียกไปหมดเลย ปรากฏว่าแฟนเขาเข้าไปใช้ห้องน้ำต่อ พอแฟนเห็นพื้นห้องน้ำ เขาก็เลยพูดว่า “เนี่ยถ้าเธอทำห้องน้ำเปียกแบบนี้นะ ครั้งหน้าเธอเปิดประตูห้องน้ำเข้ามาเธอจะเห็นฉันนอนตัวแข็งอยู่ เพราะว่าฉันลื่นล้มหัวฟาดพื้น”
หลังจากนั้นเพื่อนพริมไม่ทำพื้นห้องน้ำเปียกอีกเลย
เพราะว่าอะไร?
เพราะคำที่เขาใช้อ่ะค่ะ “นอนตัวแข็ง” มันเป็นคำที่ทำให้เห็นภาพพจน์ เป็นคำที่เจาะจงรายละเอียดมากกว่า โอ้โห ถ้าเกิดว่าเขาล้มหัวฟาดพื้นเนี่ย เขาอาจจะถึงแก่ความตายได้เลยนะ
สำหรับอีกตัวอย่างหนึ่ง อันนี้จะมาจากภาพยนตร์นะคะ เป็นภาพยนตร์เรื่องจูราสสิคพาร์ค
สตีเวน สปีลเบิร์ก เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้รายละเอียดเฉพาะมากๆคนนึง ในฉากที่เปิดตัวทีเร็กซ์ ไดโนเสาร์ที่ดุร้ายที่สุด สปีลเบิร์กไม่ได้ให้แพนกล้องไปที่ตัวทีเร็กซ์ให้เห็นโดยตรง แต่เขาใช้วิธีแพนไปที่แก้วน้ำบนรถของนักท่องเที่ยวที่อยู่แถวๆนั้น ปรากฏว่าแก้วน้ำบนรถเริ่มสั่นกระเพื่อมเมื่อมือทีเร็กซ์เดินใกล้เข้ามา และตัวพื้นดินก็เริ่มกระเพื่อมเพราะว่าแรงกระแทกจากการเดินของสัตว์ร้ายนั้น
จากนั้นก็ฉายภาพไปที่หน้าคนบนรถเมื่อมองเห็นทีเร็กซ์ เป็นใบหน้าที่ตื่นตกใจและหวาดกลัวมาก
จะเห็นได้ว่าแทนที่เราจะสื่อสารไปตรงๆคือแพนกล้องไปที่ตัวทีเร็กซ์ วิธีการทำแบบนี้ ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวไปพร้อมๆกับตัวละครได้มากกว่า
ยังไงฝากไว้ 2 เทคนิค
เทคนิคแรกการให้รายละเอียด 3 ระดับ
เทคนิคที่ 2 คือการให้รายละเอียดเฉพาะเพื่อให้คนเห็นภาพ
หวังว่าทุกคนจะได้นำไปใช้กันค่ะ ถ้าใช้แล้วเวิร์คหรือไม่เวิร์คยังไงก็เขียนมาคุยกันได้นะคะ